จากเรยา สู่เมียแต่ง
หลังจากที่ได้ชมละครเมียแต่งตอนแรก ซึ่งทำให้เกิดอาการปวดหัวเหมือนตอนดูเรยาตอนแรก จึงขอเขียน
 

มองเรยา ในสายตาของ(ครู)ผู้ชาย

     แม้ละครดอกส้มสีทอง ซึ่งเป็นภาคต่อของมงกุฏดอกส้มจะจบไปนานแล้ว แต่กระแสเรยายังคงไม่จบในสังคมไทย ซึ่งคำว่าเรยา กลายเป็นคำด่าทอเสียดสีของคนที่ชอบแย่งแฟนชาวบ้านไปเสียแล้ว

     แต่เดิมผมไม่ได้ตั้งใจเขียนถึงเรยา แต่เพราะอาการปวดประสาท(จริงๆ) เมื่อได้ชมละครเมียแต่ง ที่ทำได้แรงมาก มีทั้งตบ ทั้งขู่ ทั้งยิง ตั้งแต่ในตอนแรกเลย ซึ่งถ้าจะกล่าวว่ามองดูละครย้อนดูสังคมก็คงจะไม่ผิด (เพราะเมื่อไรที่มีคนออกมากำกับดูแลเรื่องเหล่านี้ ก็จะถูกเหน็บแนมว่า"มือถือสากปากถือศีล"ไป) จนเราต้องกลับมามองย้อนในสังคมว่า เรามีคน มีเหตุการณ์ มีคดีแบบเดียวกับ "เมียแต่ง" กี่กรณี

     และเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ลองมองย้อนกลับไปดูเรยา ส่วนตัวผมถือว่า เป็นละครที่ออกมาหักมุมได้ดีทีเดียว สะท้อนให้เห็นจุดจบของตัวละครที่แสวงหาแย่งชิงความเป็นที่หนึ่งมาตลอด จนกระทั้งไม่เหลือใครเลย อีกทั้งยังได้ท่าน ว.วชิรเมธี มากล่าวสรุปให้เห็นภาพทุกมุมที่เริ่มต้นและจบลงอย่างอ้างว้าง (จากละครแย่งผัวแย่งเมีย กลายเป็นให้ข้อคิดที่สมบูรณ์แบบไปเลย)

     ในฐานะที่เป็น(ครู)ผู้ชาย ขอพูดในมุมมองของผู้ชายบ้าง ซึ่งก่อนหน้านี้เรามักจะได้ยินบ่อยครั้งจากผู้หญิงที่ประสบกับเหตุการณ์ที่ไม่สมหวังกับความรัก ถูกนอกใจ หรือถูกคนแบบเยาแย่งชิงคนรักไปว่า "ผู้ชาย มันก็เหมือนกันหมด" ซึ่งเป็นการตัดสินคนทั้งโลกจากคนๆเดียว (ไม่ยุติธรรมเลย สงสัยต้องไปฟ้องปวีณาบ้างแล้ว...ฮา)

     หลายๆคน ชอบ ปรารถนา มุ่งหวัง วิงวอน ร้องขอ ใคร่ที่จะอยากได้คู่ชีวิตแบบ "คุณดี๋" นางเอกละครไทยฉบับแท้ ที่กว่าจะโต้ตอบแบบตาต่อตา ฟันต่อฟันก็เกือบจะจบเรื่องแล้ว นี่ถ้าไม่ได้ "เด่นจันทร์" มาเป็นกองหนุน คุณดี๋อาจเป็นฝ่ายที่น่าหมั่นไส้แทน (มีบางคนบอกว่า โง่ยอมตกเป็นเบื้องล่างของเค้าอยู่ได้) แม้สามีจะไปมีคนอื่นเธอก็แทบจะไม่หือไม่อือ เก็บซ่อนน้ำตาเอาไว้ซดแทนนมก่อนนอนทุกวันเพียงลำพัง

     ส่วนฝ่ายชายก็ถูกด่าว่า "โง่" มากๆ เมื่อถึงฉากที่ถูกโน้มตัวลงนอน แล้ว...... (โหจะให้เค้าสร้างฉากหวือหวากว่านี้หรืออย่างไร แค่นี้ก็จะถูกตัดตอนออกไปแล้ว)

     เมื่อมองในอีกมุมหนึ่ง ผู้หญิงที่เป็นผลผลิตของความรุนแรง และช่องว่างระหว่างสังคมอย่างเรยานั้นมีมากในปัจจุบัน บางคนมีชีวิตเหมือนเรยา ด้อยโอกาสในวัยเด็ก จึงทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เป็นที่หนึ่ง หรือทำทุกอย่างเพื่อทางลัดไปสู่สิ่งที่ตนเองไม่เคยมีทั้งเงินทอง ลาภยศ หรือแม้แต่เด็กที่ยังมีความเชื่อว่า "sex คือการพิสูจน์ความรักที่มีต่อกัน" ในฐานะของคนที่อยู่วงการศึกษา เราคงต้องมองหาช่องทางในการแก้ไขไม่ให้มีเรยาเกิดขึ้นในสังคมไทย ซึ่งในปัจจุบัน จำนวนครูผู้หญิงมีจำนวนมากกว่าครูผู้ชายอยู่แล้ว (ดูจากเวลาไปอบรมสัมมนาของ สพป.พิษณุโลก เขต 1 ครูผู้หญิงมีจำนวนมากกว่า) ในจุดนี้ ครูผู้หญิงจึงเป็นข้อเด่นข้อได้เปรียบของการเป็นที่ปรึกษาของนักเรียนหญิงได้เป็นอย่างดี ส่วนครูผู้ชายหากจะช่วยได้ คงจะมีส่วนในการเผยกลเม็ดเคล็ดลับในการพิชิตใจสาวๆ(สมัยยังหนุ่มๆ) มาสอนนักเรียนให้รู้จักระวังตัวให้มากขึ้น

     การดูเรยาแล้วมองเพียงความสะใจ มันอาจจะกลายเป็นภัยร้ายต่อสังคม เพราะหากวันหนึ่ง คุณโดนคนแบบเรยามาแย่งชิงคนรักของคุณไป คุณจะทำอย่างไร

     เรยา ไม่ใช่เพียงตัวละคร

     แต่เรยา คือบทบาทของนางโมรา ที่ออกมาจากผอบ แถมยังทะลุเวลามาในยุคที่ใครๆต่างก็เรียกร้องเสรี และยังมีความเชื่อว่า กฎมีไว้แหก เพราะนอกจากจะทรยศหักหลัง ยังมีการแย่งชิง เยาะเย้ย ประกาศตัวว่า "ฉัน ก็เป็นเมียอีกคนหนึ่ง"

     ...วันทอง โมรา กากี เรยา และยังมา "คุณปรุง" ในเมียแต่ง แล้วยังจะมีใครอีก.. จึงจะสาสมสะใจกับคนไทยทุกยุคทุกสมัย ที่เรียกตัวเองว่า "ชาวพุทธ"
 

     ข้อเขียนนี้เป็นข้อคิดเห็นส่วนบุคคลนะครับพี่น้องดินแดนปัญญาชน หากผิดพลาดประการใดก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ครับ

ท่านสามารถอ่านบทความนี้ได้ที่ http://www.seal2thai.org/sara/sara229.htm    free toolbar

 

ที่มา ครูพิริยะ  ตระกูลสว่าง

  ขอบคุณครับที่ทำ link และอ้างอิงมาหาเรา นึกว่าในสังคมจะไม่มีคนให้เกียรติคนอื่นเหลืออยู่อีกแล้ว

	ให้คะแนนข้อเขียนนี้ กี่ดาวดีครับ...