ดินแดนปัญญาชน SEAL2thai.org

 

ทำไม ไป vote no

สาระดีดี จาก  SEAL2thai.org 

 

ปลูกต้นไม้แห่งปัญญา กับ ดินแดนปัญญาชน  

          ดินแดนปัญญาชน           

bullet

[หน้าแรก]
 

bullet

[รวมสาระ]
 

bullet

[web board]
 

bullet

[คุรุชน]
 

bullet

[สอบบรรจุครู]
 

bullet

ร่วมสนับสนุนเรา
โดยการทำ link
มาหาเรานะครับ

bullet

กรมหลวงชุมพร

 Thailand Travel Memo
 
เรียนพิเศษในพิษณุโลก
 
วงการครู

 ข้อสอบ o-net a-net ผลงาน คศ.3
 ได้รับการสนับสนุนโดย เงินงอกเงย
 เสด็จเตี่ย เรียนพิเศษ   
     บ้านครูแชมป์ เรียนพิเศษในพิษณุโลก

     วัตถุมงคล อ.หนู กันภัย

     หนังสือวิทยาศาสตร์

         

 
 
 
จะเลือกหรือไม่เลือกใคร ก็เป็นสิทธิ์ของคุณ
แต่คนไทย ต้องไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง
(ข้อเขียนนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณ)
 


ทำไม ไป vote no

     เดิมที ผมไม่มีความคิดที่จะเขียนข้อเขียนนี้ แต่เมื่อได้รับฟังการดูถูกจากคนที่เรียกตัวเองว่า "ผู้มีประชาธิปไตยเต็มตัว" ว่าคนที่ vote no หรือไม่ประสงค์ลงคะแนน เป็นพวกควาย (เหตุการณ์นี้เป็นประเด็นของเลือกตั้งประธานนักเรียน แต่ท่านผู้นั้น
เชื่อมโยงไปถึงการเมืองระดับชาติไปซะอย่างนั้น) มันเลยเกิดความคับข้องใจต้องมาอธิบาย ครั้นจะนั่งอธิบายตัวต่อตัว ก็เกรงว่าผู้มีประชาธิปไตยท่านนั้น จะไม่มีเวลารับฟัง เพราะเค้าคงคิดว่า เค้ากินข้าวหมดไปหลายเกวียนแล้ว อายุก็มากกว่าพ่อ
ผม และกำลังจะเกษียณอายุราชการ ต่างจากผมซึ่งด้อยทั้งวัยวุฒิและประสบการณ์ทางการเมือง

     ก่อนหน้านี้ ผมก็เคยมีประสบการณ์เลือกตั้งมาหลายครั้ง (3-4 ครั้ง) ทั้ง ส.ส. และ ส.ว. ไม่รวม อบต.และกำนันผู้ใหญ่บ้านนะครับ ผ่านพ้นความรู้สึกมาหลายอย่าง ทั้งที่เลือกเพราะว่ารัก อยากให้เค้าไปเป็นผู้นำ เลือกเพราะเป็นผู้ใหญ่ที่ชาวบ้านนับถือ (เลือกตามครอบครัว) เลือกเพราะต้องการให้ ส.ส. ที่เราเลือก เข้าไปคาน ส.ส.อีกคนที่เรามารู้ตอนหลังว่า เค้าโกงสะบั้นหันแหลก ทำดีเอาหน้า สร้างภาพชั้นยอดเลย ไม่ว่าเราจะเลือกใคร สุดท้ายแล้ว ก็ต้องมีคนเป็นผู้นำอยู่ดี ทำให้นึกถึงคำพูดของพี่คนหนึ่งที่ว่า ประชาธิปไตย ใครมีพวกมากก็มีอำนาจ มีญาติพี่น้องมากก็มีเสียงคะแนนมาก ส่วนจะดีเลวแค่ไหนไม่ต้องสนใจ สนแค่ว่าญาติเราๆเลือกคนนี้

     บางคนก็บอกว่า เลือกคนที่เลวน้อยที่สุด สรุปว่า มันก็เลวเหมือนกัน ซึ่งเมื่อคุยกันไปมา หลายคนมักจะบอกว่า "ทุกคนมันก็เลว ไม่มีใครเป็นคนดีหมด" ...ผมว่าไม่จริง

     คนที่ชอบพูดแบบนั้น เอาตนเองเป็นบรรทัดฐาน เอาประสบการณ์ ความรู้ ความเชื่อของคนเข้าไปสร้างความชอบธรรม คล้ายกับพวกฝ่าสัญญาณไฟแดง แล้วก็บอกกับตัวเองว่า "ใครๆเค้าก็ทำ" ซึ่งในโลกของความจริง ผมเชื่อว่า ยังมีคนที่ไม่คิดแบบนั้น เพราะการเป็นผู้มี กาย วจี มโน ที่สุจริต ถือเป็นมนุษย์ที่ได้รับการสั่งสอนจากพระพุทธเจ้า ประกอบกับการเลี้ยงดูจากผู้ปกครองแบบมีคุณภาพ (ส่วนตัวเชื่อว่า เมืองพิษณุโลกเป็นเมืองที่ศักดิ์สิทธิ์ คนที่ทำผิดอาญาบ้านเมือง เช่นการฝ่าสัญญาณไฟแดง ย่อมเป็นที่ไม่ทรงโปรดของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช พระองค์ท่านอาจทรงลงโทษทางใดทางหนึ่งก็เป็นได้)

     คนที่ชอบตัดสินคนอื่น ย่อมนำสิ่งที่สมองได้บรรจุข้อมูลประสบการณ์ของตนมาตัดสิน

     มีชายคนหนึ่งนอนฟุบอยู่บนสนามหญ้า...
     ชายขี้เมาเดินมาพบเข้า เขาเอาเท้าแตะที่ร่างนั้นแล้วพูดแบบลิ้นจุกปากด้วยอาการเมาว่า "เมาเหมือนหมา ไม่ได้เรื่องเลย คออ่อนเสียจริง" จากนั้นก็เดินจากไป

     ชายคนที่สองเพิ่งทะเลาะกับเมียมา แล้วเมียไม่ให้นอนที่บ้าน พอมาพบร่างนั้นเข้า จึงคิดว่า "ไอ้หมอนี่ คงโดนเมียไล่ออกมานอกบ้านตั้งแต่เมื่อคืน" จากนั้นก็เดินจากไป

     คนที่สามเป็นนักบวช เมื่อมาพบ เขาก้มลงกราบแสดงความเคารพร่างนั้น พร้อมกล่าวว่า "ท่านผู้สละแล้วทุกสิ่ง น่าเลื่อมใสเสียจริงๆ"

     ... แสดงว่า คนที่ดูถูกคนอื่นที่มีความคิดเห็นไม่ตรงกับตนเอง ก็ต้องเอาตัวเองเป็นหลัก (แล้วที่บอกว่าคนอื่นเป็นควาย แสดงว่าตนก็ต้องมีความคิดแบบ...)

     เราอย่าเพิ่งตัดสินคนอื่นว่าเขาเป็นใคร เป็นพวกของใคร เพราะทุกคนย่อมมีเหตุผลของตนเอง อย่าเพิ่งบอกว่า คนที่เลือกพรรคนี้ เพราะต้องการช่วยเหลือใครบางคน เพราะเหตุผลที่เค้าเลือกอาจจะเลือกเพราะเกลียดพรรคตรงกันข้ามที่ดีแต่แถลง
นโยบาย หรือบางคนเลือกอีกพรรคหนึ่ง ไม่ใช่เพราะชื่นชอบความหน้าตาดีของหัวหน้าพรรค แต่อาจเป็นเพราะเค้าไม่ต้องการให้ใครบางคนรอดพ้นเงื้อมมือของกฎหมาย

     บางคน ตัดสินว่าพวกเสื้อสีบางสี เป็นพวกของพรรคการเมืองเก่า พูดถึงขนาดการรับเงิน เอาเงินใส่ในกล่องข้าว เอาระเบิดไปหนีบ เอาคนขาขาดมาจัดฉากว่าโดนแก๊สน้ำตา ฯลฯ ทั้งๆที่พวกเขาอาจไม่เอาพรรคใดใดเลยก็เป็นได้ เราควรเคารพสิทธิ์ของกันและกัน เขาจะเชื่อ จะชอบ จะรักคนไหนพรรคไหน มันก็เรื่องของเขา เราไม่ชอบก็ไม่ควรไปท้าต่อย ท้าชก แอบยิง หรือแม้กระทั้งการทำลายป้ายหาเสียง เพราะนอกจากที่จะแสดงให้เห็นถึงนิสัยในส่วนลึกแล้ว คนเขาจะดูถูกไปถึงการอบรมเลี้ยงดูที่ไม่มีคุณภาพ ไม่ยอมสอนให้มีน้ำใจนักกีฬาและกลัวบาปกรรม

     และเมื่อพูดถึงบาปกรรม นั่นก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่การเลือกตั้งครั้งนี้ต้อง vote no

    
...มันเกี่ยวกันตรงไหนระหว่างการลงคะแนนเลือกตั้งกับเวรกรรม

     ก่อนอื่น ขอย้อนไปถึงบทความหนึ่งของนิตยสารรายปักษ์ ที่มีคนเขียนเข้ามาถามว่า เค้าทำอาชีพขายลูกชิ้นปิ้ง จะบาปไหม ท่านพระอาจารย์ ได้ตอบว่า แม้จะเป็นอาชีพสุจริต แต่ก็มีการเบียดเบียนชีวิตเขา ซึ่งหนึ่งในอาชีพที่พระพุทธเจ้าทรงห้ามคือการค้าชีวิต เชื่อว่าจะต้องมีคนคิดต่อว่า ถ้าไม่มีคนกิน เค้าก็ไม่ต้องฆ่า แบบนี้สำนวนที่ว่า "บาปอยู่ที่คนทำ กรรมอยู่ที่คนกิน" ตอนนี้ถึงเข้าใจแล้วว่า ทำไมหลวงพ่อผู้เป็นพระอุปัชฌาย์ของผมจึงฉันมังสวิรัติ แม้กระทั้งไข่ท่านก็ให้งดเว้น นั่นเพราะเว้นจากการเบียดเบียนทั้งปวง เพื่อความบริสุทธิ์ของศีลนั้นเอง แต่กรรมที่เกิดกับคนขายลูกชิ้นเป็นเพียงเศษกรรม เนื่องจากไม่ได้ตั้งใจให้เขาฆ่า เพียงแต่ได้รับผลประโยชน์จากการที่ทำให้ชีวิตของเขาตกไป

     เมื่อรู้ดังนั้น จึงได้เทียบเคียง(ด้วยสมองอันน้อยนิด) ว่า ถ้าเราเลือกนักการเมืองคนหนึ่งเข้าไปในสภาอันทรงเกียรติ ถ้าเขาเข้าไปคนโกง เขาไปทำลายชาติ ทรยศต่อประชาชน ทำผิดให้ถูก ยิงคนไม่ผิดกฎหมาย ก็เท่ากับเราส่งเสริมให้เขาเข้าไปทำ
ไม่ได้ เราก็จะได้เศษกรรมจากเขาด้วย หรือแม้ว่าเขาจะไม่คดโกง ไม่ได้เป็นรัฐมนตรี ไม่ได้มีอำนาจสั่งซื้อสั่งจ้าง แต่ถ้าเขาไปยกมือสนับสนุนหัวหน้าของเขา พรรคของเขา เศษกรรมที่ทำต่อแผ่นดินก็ต้องตกที่เราด้วย ซึ่งไม่ต้องสงสัยว่า ทำไมทำ
มาหากินไม่รวยซักที ทำดีมาตลอดแต่ถูกเอาเปรียบ แม้ไม่ถึงกับถูกโกง แต่การถูกเอาเปรียบก็ทำให้ไม่สบายใจ (ท่านเคยไปจ่ายค่าโทรศัพท์หรือซื้อของ แล้วราคารวมที่ต้องจ่ายเป็นเศษสตางค์ แต่เวลาทอนปัดเป็น 1 บาทไหม หรือประมาณว่า taxi
พาอ้อมนั่นแหละ ความรู้สึกแบบนั้น)

     ดังนั้น เมื่อไม่ต้องการให้เศษกรรมที่คนชั่วเขาทำกับแผ่นดินแล้วทำให้เราชีวิตไม่ราบรื่น
มันก็ไม่ผิดไม่ใช่หรือที่เราจะไม่เลือกใคร

     เมื่อเรากลัวว่า ลูกหลานจะสอบเข้ารับราชการได้ยาก เพราะเศษกรรมที่เราสนับสนุนคนชั่ว
เราจึงไม่เลือกใคร

     เรากลัวจะรู้สึกผิดในภายหลัง
เราจึงไม่เลือกใคร

     ที่สำคัญ เลือกตั้งทุกครั้ง ก็มีช่องไม่ประสงค์ลงคะแนนให้ แสดงว่า
การแสดงออกว่าไม่เลือกใครเพราะกลัวบาปกรรม ก็ไม่ผิด รัฐธรรมนูญรับรองไว้ว่า คุณจะไม่ลงคะแนนให้ใครก็ได้

    แทนที่จะมาบอกว่าคนไม่เลือกใครเป็นคนไม่มีสมอง เราควรเอาความคิดว่า จะทำอย่างไรคนถึงจะไม่เลือกคนใดคนหนึ่งเพราะเงิน จะทำอย่างไรให้คนมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งกันเยอะๆ สัก 80 - 90 เปอร์เซ็นต์ไปเลย

     ดังนั้น คนที่คิดเองได้ ไม่หลงเชื่อคนอื่นได้ง่าย มีสมอง มีความรู้ แล้วเขา vote no ก็เป็นสิทธิ์ของเขา ซึ่งเขาก็ไม่จำเป็นต้องเป็นเสื้อเหลือง หรือคนที่เลือกนักการเมือง เลือกพรรค ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่รักชาติ

    
...เราควรเคารพความคิดของคนอื่น เหมือนดังเช่นที่ต้องการให้คนอื่นเคารพความคิดของเรา ... ก่อนที่จะโดนเขาด่าว่า "แก่เพราะกินข้าว เฒ่าเพราะอยู่นาน"

     ไม่ว่าจะรักใคร ชอบใคร หรือไม่รักใครก็ตาม เราคนไทยต้องไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งตามหน้าที่ ใช้สติปัญญาของเรา ลงคะแนนให้กับคนที่เราคิดว่า เขาจะไม่ทอดทิ้งเราและไม่ทำลายประเทศในภายหลัง หรือถ้ายังไม่มีใครเข้าตา ก็ตัดสินใจเอาเองนะครับพี่น้องดินแดนปัญญาชน

(ป.ล. หากมีโฆษณาของพรรคการเมืองใดปรากฏบนหน้านี้ เป็นสิ่งที่เกิดจาก google adword ไม่เกี่ยวข้องกับผู้เขียน ขออภัยหากรบกวนสายตา ทั้งนี้เป็นสิทธิ์ของพรรคการเมืองในการติดต่อกับ google โดยตรงไม่เกี่ยวกับทางเว็บ ท่านสามารถสังเกตได้จากหน้าอื่นๆ ซึ่งจะมีการหมุนเวียนเปลี่ยนโฆษณาไปตามที่ google กำหนด)

ท่านสามารถอ่านบทความนี้ได้ที่ http://www.seal2thai.org/sara/sara227.htm    free toolbar

   ที่มา ครูพิริยะ  ตระกูลสว่าง

  ขอบคุณครับที่ทำ link และอ้างอิงมาหาเรา นึกว่าในสังคมจะไม่มีคนให้เกียรติคนอื่นเหลืออยู่ีกแล้ว

หลุดจากทางบ้าน

ให้คะแนนข้อเขียนนี้ กี่ดาวดีครับ...


 รวมสาระ 
counter Powered by www.seal2thai.org   ดินแดนปัญญาชน