|
นรก-สวรรค์ ตามหลักของพระพุทธเจ้า สาระจาก E-mail |
||||
ดินแดนปัญญาชน [หน้าแรก] [รวมสาระ] [webboard] [คุรุชน] ร่วมสนับสนุนเรา
เฟอร์นิเจอร์ไม้สัก พรมลายน่ารัก มะขาม ขนมจีน ข้อสอบ o-net a-net สอบบรรจุครู
|
|||||
ทีนี้อยากจะให้รู้เสียเลย ที่เกี่ยวกับ ทวารเหล่านี้นะ พระพุทธเจ้า ท่านตรัสว่า นรกทางอายตนะ ฉันเห็นแล้ว สวรรค์ทางอายตนะ ฉันเห็นแล้ว เมื่อก่อน เขาพูดกัน ถึงเรื่อง นรกอยู่ใต้ดิน อย่าง ภาพเขียนฝาผนัง นั่นมันคือ นรกทางกาย นรกทางวัตถุ ก็หมายถึง ร่างกาย ถูกกระทำ อย่างนั้น เป็นนรกใต้ดิน ตามที่ว่า แล้วสวรรค์ ก็อยู่ข้างบน บนฟ้า ข้างบนโน้น มีวิมาน มีผู้เสวยสวรรค์ เป็นบุคคล มีนางฟ้า ส่งเสริม ความสุข เป็นร้อยๆ ร้อยๆ นั้นคือ สวรรค์ข้างบน แต่ เป็นเรื่อง ทางกาย หรือ ทางวัตถุทั้งนั้น นรกกับสวรรค์ ชนิดนั้น เขาพูดกัน อยู่ก่อนพระพุทธเจ้า เขาสอนกันอยู่ก่อน แต่คุณจับใจความให้ได้ มันเรื่องทางกายนี้ เจ็บปวดทางกายอยู่ใต้ดิน คือนรก เอร็ดอร่อยทางกายอยู่ข้างบน นั่นแหละสวรรค์ ทีนี้ พระพุทธเจ้าท่านมาตรัสเสียใหม่ว่า นรกที่อายตนะฉันเห็นแล้ว ก็คือที่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ; นี่นรก เมื่อทำผิด มันร้อนขึ้นมาทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ มันนรกที่ไม่ใช่วัตถุ ที่ไม่ใช่กาย มันเป็นนามธรรม เป็นความรู้สึก เป็นทุกข์ร้อน อยู่ที่ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ นี่นรกฝ่ายวิญญาณ ฝ่ายโน้น ฝ่ายนี้ ฝ่ายวิญญาณ ทีนี้ สวรรค์ก็เหมือนกัน เมื่อถูกต้อง เขาก็จะเป็นสุขสนุกสนาน อยู่ที่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ก็นั้นแหละ คือ สวรรค์ เป็น สวรรค์ทางวิญญาณ มันคู่กัน อย่างนี้ มันคู่กันมา อย่างนี้ ถ้าเอาวัตถุ เอาร่างกายเป็นหลัก นรกอยู่ใต้ดิน สวรรค์อยู่บนฟ้า แล้วก็เป็นไป ตามเรื่องนั้น แต่ถ้าเอาเรื่อง นามธรรม ฝ่ายวิญญาณ เป็นหลักแล้ว ทั้งนรก ทั้งสวรรค์ มันอยู่ที่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ คือ ความรู้สึก ที่เกิดขึ้น ที่นั่น พูดอย่างนี้ ชี้ไปยังที่ตัวจริง พูดอย่างโน้น มันอุปมา เหมือนกับว่า ถูกฆ่า ถูกเผา ถูกอะไรอยู่ หรือว่า เสวยอารมณ์ อันเป็น กามคุณอยู่ นั้นควรจะเป็นอุปมา แต่เขากลับเอามา เป็นตัวจริง
|
|||||
power by www.seal2thai.org |