อาการของโรคไข้หวัด 2009
อาการ
ผู้ติดเชื้อจะมีอาการคล้ายกับผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ที่เกิดขึ้นตามปกติ คือ
มีไข้ขึ้นสูง ติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ ไอ คลื่นไส้อาเจียน
ปวดเมื่อยตามร่างกายรุนแรง ท้องร่วง และปวดศีรษะรุนแรง
อาการป่วยจะพัฒนารวดเร็วและจะมีอาการหายใจลำบากอย่างรุนแรงภายใน 5 วัน
ทั้งนี้อาจจะพบว่าผู้ที่รับเชื้อจะแสดงอาการไม่รุนแรง
ข้อควรระวัง
- ผู้ติดเชื้อมีภูมิต้านทานอ่อนแอ ได้แก่ เด็ก คนชรา
และผู้ที่มีโรคประจำตัวบางชนิด เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคภูมิแพ้
เป็นต้น จะมีผลกระทบต่อร่างกายมากกว่าคนธรรมดา
ถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที
ดังนั้นควรพบแพทย์เมื่อรู้สึกเป็นไข้ภายใน 2 วัน
- กรณีที่มีอาการรุนแรง เกิดจากมีการอักเสบที่ปอด จนถึงขั้นเสียชีวิตได้
- เด็กเล็กที่มีผู้ปกครองอาจได้รับทราบอาการป่วยช้า
เนื่องจากเด็กไม่ได้บอกให้ทราบ
การติดต่อ
การแพร่ติดต่อเช่นเดียวกับโรคไข้หวัดใหญ่ในคน คือ
1. แพร่ไปยังผู้อื่นโดยการไอ หรือจามรดกัน โดยที่เชื้อจะอยู่ในเสมหะ น้ำมูก
น้ำลาย
2. ติดจากมือและสิ่งของที่มีเชื้อปนเปื้อนอยู่
และเชื้อจะเข้าสู่ร่างกายทางจมูกและตา หากนำมือที่มีเชื้อไปสัมผัสร่างกาย
เช่น การแคะจมูก การขยี้ตา
การป้องกัน
1.ใช้ผ้าเช็ดหน้าปิด เพื่อป้องกันเวลาจาม
2.หมั่นล้างมือ
3.หากมีอาการ ไข้อย่างรุนแรง และไข้ไม่ลดภายใน 2 วัน ควรรีบพบแพทย์ทันที
โดยเฉพาะผู้ที่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยโรคนี้
รวมทั้งผู้ที่เดินทางกลับจากประเทศที่มีการแพร่ระบาด
4. หลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังสถานที่แอดอัด
และงดเดินทางไปในประเทศที่มีการแพร่ระบาดของโรคนี้อย่างรุนแรง
5. รักษาสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ
การรักษา
ในเอกสารเรื่องการแพร่ระบาดของไข้หวัดชนิดนี้ ที่กงสุลใหญ่ ในนครลอสแองเจลิสของสหรัฐ
แสดงข้อมูลที่ระบุว่า
สามารถใช้ยาชนิดเดียวกับยาไข้หวัดใหญ่ทั่วไปในการรักษาไข้หวัดชนิดเอ H1N1
ได้ คือ ยาโอเซลทามิเวียร์ (Oseltamivir) หรือ ทามิฟลู (Tamiflu) และยา
zanamivir ซึ่งเป็นยาชนิดพ่น แต่ทั้งนี้ยาดังกล่าว ไม่สามารถป้องกันเชื้อไวรัสได้
ทั้งนี้มีรายงานระบุว่าในสหรัฐอเมริกา ผลการตรวจเชื้อไวรัสชนิดนี้พบว่าเชื้อดังกล่าวดื้อยาต้านไวรัส
amantadine และ rimantadine
อย่างไรก็ตาม WHO ออกมายอมรับว่ายาทามิฟลูที่มีอยู่ในขณะนี้อาจไม่เพียงพอต่อการับมือกับการแพร่ระบาดที่อาจเพิ่มมากขึ้น
ข้อควรพิจารณา
1. ไม่ควรเชื่อ หากมีการโฆษณาว่า
เมื่อฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ทั่วไปแล้ว
จะสามารถป้องกันไข้หวัดใหม่สายพันธุ์ใหม่ได้
2. ค่าใช้จ่ายสำหรับการตรวจว่าผู้ป่วยเข้าข่ายติดเชื้อไวรัสไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่
2009 หรือไม่ ต้องเสียค่าใช้จ่ายแพงมากสำหรับผู้มีฐานะยากจน คือประมาณ
4,000-8,000 บาท ดังนั้นจึงควรพิจารณาให้รอบคอบ
หรือศึกษาข้อมูลด้วยตัวเองและปรึกษาแพทย์ก่อน
วันนี้ เหล่าดินแดนปัญญาชนต้องให้ความสำคัญกับสุขภาพ
ยิ่งมีการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ (ไข้หวัด 2009)
อันเป็นอุปสรรคต่อการเงิน เพราะหากต้องนำเงินไปรักษาตัวบ่อยครั้ง
ก็จะทำให้เราขาดความคล่องตัว ดังนั้นการป้องกันย่อมดีกว่านะครับ
ออกกำลังกันดีกว่า
ท่านสามารถอ่านบทความนี้ได้ที่
www.seal2thai.org/sara/sara180.htm
free toolbar
ที่มา
กระทรวงสาธารณสุข
ขอบคุณครับที่ทำ link
และอ้างอิงมาหาเรา
นึกว่าในสังคมจะไม่มีคนให้เกียรติคนอื่นเหลืออยู่อีกแล้ว
ขอเชิญร่วมโครงการ ธรรมเทค |