ดินแดนปัญญาชน SEAL2thai.org

 

สมุดปกขาว คมช

สาระดีดี จาก ดินแดนปัญญาชน

 

ปลูกต้นไม้แห่งปัญญา กับ ดินแดนปัญญาชน  

          ดินแดนปัญญาชน           

bullet

[หน้าแรก]
 

bullet

[รวมสาระ]
 

bullet

[webboard]
 

bullet

[คุรุชน]
 

bullet

[สอบบรรจุครู]

 
bullet

ร่วมสนับสนุนเรา
โดยการทำ link
มาหาเรานะครับ

 เฟอร์นิเจอร์ไม้สัก
 
เรียนพิเศษในพิษณุโลก
 
วงการครู
ขนมจีน

 ข้อสอบ o-net a-net

       
    
บ้านครูแชมป์ เรียนพิเศษในพิษณุโลก

         

     

ข้อเท็จจริง เกี่ยวกับการปฏิรูปการปกครองในประเทศไทย เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549

ช่อดอกไม้ที่ปลายกระบอกปืน

   เหตุการณ์ที่กล่าวมาข้างต้นนี้เป็นพัฒนาการตลอดเวลาประมาณสามสิบวันนับแต่มีการปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขเมื่อคืนวันอังคารที่ 19 กันยายน 2549 แต่อันที่จริงไม่ว่าจะเรียกอย่างไรก็ตาม ในสายตาของคนทั่วไปทั้งในและต่างประเทศ ก็คือ "การยึดอำนาจ" หรือ "การรัฐประหาร" นั่นเอง

   เมื่อกล่าวถึงการยึดอำนาจ ภาพที่ผู้คนทั่วๆ ไปย่อมนึกถึงและไม่สู้จะผิดความจริงนักคือภาพทหารแต่งเครื่องแบบพร้อมอาวุธและยุทโธปกรณ์ต่างๆ ครบครัน เช่น รถถัง รถหุ้มเกราะ รถจีเอ็มซี ออกวิ่งตระเวนทั่วเมือง บางแห่งมีการติดตั้งบังเกอร์ ขึงรั้วลวดหนาม ขณะที่ทหารหมอบประทับอาวุธเตรียมพร้อมจะเหนี่ยวไก บางครั้งมีการต่อสู้ การวางเพลิง ขว้างปาระเบิด บางครั้งมีภาพรถดับเพลิง รถพยาบาลเปิดไซเรนโหยหวน เสียงปืน เสียงระเบิด และเสียงผู้คนร้องระงมดังอยู่ทั่วไป บางครั้งฝูงชนกรูเข้าขัดขวาง จนทหารต้องกราดปืนเข้าใส่ประชาชนอาจถูกจับ มีผ้าปิดตามัดมือไพล่หลัง และกว่าเหตุการณ์จะกลับสู่ความสงบต้องใช้เวลาอีกนาน บางครั้งแรมเดือน แต่ภาพที่ชาวต่างประเทศซึ่งอยู่ในประเทศไทญอาจประหลาดใจ ก็คือ ถ้าไม่นับกลางดึกของคืนวันที่ 19 กันยายน ซึ่งทุกฝ่ายยังอยู่ในสภาพงุนงงว่าเกิดอะไรขึ้น และวันที่ 20 กันยายน ซึ่งเป็นวันหยุดราชการแล้ว สภาพทุกอย่างในกรุงเทพมหานครและประเทศไทยดูเป็นปกติเหมือนที่เคยเป็นเมื่อวันที่ 18 กันยายน หรือก่อนหน้านั้น เครื่องบินยังคงบินขึ้นลงที่ท่าอากาศยานกรุงเทพฯ เป็นปกติ การจราจรตามท้องถนนกลับมาคับคั่งอย่างเดิม ศูนย์การค้าทุกแห่ง ร้านค้า บริษัท ห้างร้าน ธนาคาร เปิดทำการเป็นปกติ ผู้คนยังคงเที่ยวเตร่และจับจ่ายใช้สอยเป็นปกติ ร้านเพชร ร้านทองที่ถนนเยาวราชถสถานบันเทิงที่ถนนข้าวสารและย่านอาร์ซีเอ แหล่งเริงรมย์ที่พัฒน์พงษ์ โรงแรมและสถานตากอากาศที่พัทยา ภูเก็ต เกาะช้าง เกาะสมุย เชียงใหม่ ยังคงคลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยว วันที่ 28 กันยายน มีการเปิดใช้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิอันเป็นท่าอากาศยานแห่งใหม่ตามกำหนดเดิมเทศกาลออกพรรษา การทอดกฐินของชาวพุทธ การถือศีลอดของชาวมุสลิม การไหว้พระจันทร์ และเทศกาลกิยเจของชาวจีนยังดำเนินไปตามปกติ ที่ศูนย์การค้าและมหาวิทยาลัยบางแห่ง มีผู้ชุมนุมคัดค้านการยึดอำนาจแล้วสลายตัวไปโดยไม่มีการขัดขวางจากเจ้าหน้าที่สื่อมวลชนทำหน้าที่ดังเดิม บางคอลัมน์และบางรายการวิพากษ์วิจารณ์การยึดอำนาจ คณะยึดอำนาจ การแต่งตั้งรัฐมนตรี และสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติอย่างรุนแรงเช่นเดิม ภายในเวลาไม่ถึงสองสัปดหานับจากการยึดอำนาจ ทหาร ตำรวจก็ถอยกลับเข้าที่ตั้งเหลือแต่ผู้มีหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยสถานที่ราชการและสถานที่สาธารณตามปกติเหมือนเมื่อก่อนวันที่ 19 กันยายน

   ภาพที่ปรากฏต่อสายตาของผู้พบเห็นในช่วงเวลาสองสัปดาห์แรก มิได้เป็นภาพความรุนแรง การต่อสู้ หรือการปราบปรามอย่างที่เคยปรากฏในการยึดอำนาจในบางประเทศหากแต่เป็นภาพที่ประชาชนนำอาหารและขนมมาหยิบยื่นส่งให้ทหารที่ยืนอิดโรยอยู่หน้ารถถังหรือตามสี่แยก บางคนนำพวงมาลัยมาคล้องให้ทหารและปากกระบอกปืน หนังสือพิมพ์อินเตอร์เนชั่นแนล เฮรัลด์ ทรีบูน ฉบับวันที่ 22 กันยายน ค.ศ.2006 หน้า 7 ลงภาพการ์ตูนมีทหารยืนอยู่บนปืนใหญ่ ปากปืนใหญ่อุดไว้ด้วยช่อดอกไม้ ชาวต่างประเทศคนหนึ่งยืนทำหน้าที่พิศวงอยู่ข้างหน้า และมีคำบรรยายได้ความว่า รถถังที่ไหนกัน เห็นมีแต่ดอกไม้ สื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศเสนอภาพประชาชนเหมารถจากต่างจังหวัดมาขอถ่ายรูปร่วมกับทหารและตำรวจที่ถือปืนยืนประจำยาม ราวกับงานมหกรรม หนุ่มสาวบางคู่แต่งชุดวิวาห์ควงคู่มายืนถ่ายรูปหน้ารถถังราวกับเป็นภาพที่ต้องการเก็บไว้ในความทรงจำ ชาวต่างประเทศบางคนนุ่งกางเกงขาสั้น สวมเสื้อยืดสีเหลืองสะพานเป้พาเพื่อนสาวมายืนถ่ายรูปด้วย ผู้ปกครองบางคนพาลูกมาป่ายปีนรถถังราวกับงานวันเด็ก เมื่อมีผู้ไปสัมภาษณ์ว่าคนเหล่านั้นคิดอย่างไร ได้คำตอบว่าไม่มีอะไรมากไปกว่าอยากมีส่วนร่วมในการรักษาความสงบเรียบร้อยครั้งนี้ด้วย บางคนตอบว่าสะใจและขอบคุณทหาร ประเทศไทยมีภาพการชุมนุมตั้งเวทีปราศรัยขับไล่และโจมตีรัฐบาล ตั้งเวทีงิ้วและการแสดงล้อเลียนรัฐบาล และแทบทุกครอบครัวทุกประชาคมผู้คนแตกแยกความคิดเป็นฝักเป็นฝ่าย ถือข้างต่างกันจนแทบไม่มองหน้ากันมาเป็นเวลานานแรมปีแล้ว ต่อไปนี้จะได้ไม่มีฝักมีฝ่าย กลับมาพูดจาภาษาเดียวกันเสียที บางคนยักไหล่ตอบตรงๆ ว่า ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ปกติเวลาทหารสับเปลี่ยนกำลัง หรือสวนสนาม ทหารก็ออกมาอย่างนี้และเรียบร้อยอย่างนี้ เพียงแต่ครั้งนี้ไม่ได้ประกาศล่วงหน้าเท่านั้น จึงน่าตื่นเต้น ชาวต่างประเทศบางคนตอบว่า "สนุกดี" ก่อนจะกดชัตเตอร์ถ่ายรูปอย่างไม่ยั้งมือ เมื่อทุกอย่างกลับเข้าสู่ความสงบ ทหารและรถถังกลับเข้าสู่กรมกอง ผู้คนก็เกือบลืมไปแล้วว่าเมื่อไม่กี่วันก่อนเกิดอะไรขึ้นในบ้านเมือง

   อย่างไรก็ตาม การยึดอำนาจการปกครองไม่ใช่สิ่งที่พึงปรารถนา ถ้าจะพูดว่าก่อให้เกิดความรู้สึกที่เจ็บปวดก็ไม่ผิดนัก เพราะการยึดอำนาจมิใช่กระบวนการหรือวิถีทางในระบอบประชาธิปไตย ถ้าหากเราจะเน้นเฉพาะกระบวนการหรือวิถีทางอันเป็นเรื่องของรูปแบบ การยึดอำนาจจึงเป็นข้อยกเว้น ไม่ใช่ปรากฏการณ์ปกติ ส่วนที่ว่าข้อยกเว้นดังกล่าวมีได้หรือไม่ ชอบธรรมหรือไม่ เป็นปัญหาที่ถึงถกเถียงกันในทางตำราว่าด้วยทฤษฎีประชาธิปไตย ดังที่ในหลายประเทศ นักทฤษฎีประชาธิปไตยยังคงถกเถียงกันถึงเรื่อง สิทธิธรรมชาติในอันที่จะล้มล้างรัฐบาลหรือการปกครองที่ไม่เป็นธรรม เช่น คราวที่ โธมัสเจฟเฟอร์สัน ยกร่างคำประกาศอิสรภาพของอเมริกาในค.ศ.1776 หรือประเทศอาณานิคมหลายแห่งลุกขึ้นเรียกร้องเอกราชจากประเทศเจ้าอาณานิคมที่กดขี่ข่มเหงอย่างไม่เป็นธรรมคตินิยมในหลายประเทศโดยเฉพาะในทวีปเอเชียเองก็เคยกล่าวถึงกรณีที่ผู้ปกครองไม่อยู่ในสัตย์ในธรรม กระทำการย่ำยีจิตใจประชาชน จนต้องลุกฮือขึ้นแสดงปฏิกิริยาบางอย่างให้เป็นที่ประจักษ์ แต่สิ่งที่แน่นอนที่สุดก็คือ การยึดอำนาจการปกครองที่หากจะพอรับได้จะต้องทำในภาวะที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้ ไม่อาจใช้วิธีการอื่นเข้าจัดการ หรือที่บางทฤษฎีใช้คำว่า "ภาวะอันสุดแสนจะทนทาน" เช่น หากปล่อยทิ้งไว้จะเกิดความเสียหายใหญ่หลวงต่อประเทศชาติและประชาชนจนไม่อาจแก้ไขเยียวยาได้โดยง่าย อีกประการหนึ่งคือ ต้องหลีกเลี่ยงความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินเท่าที่จะทำได้ มิฉะนั้นจะกลายเป็นวิกฤตการณ์ร้าวฉานยิ่งใหญ่ การยึดอำนาจในตัวเองเป็นวิกฤตการณ์อย่างหนึ่งอยู่แล้ว และมักอ้างการป้องกันหรือระงับวิกฤตการณ์อื่นในอนาคตอันใกล้เป็นเหตุผลในการก่อการเสมอ ดังนี้แล้วจะก่อวิกฤตการณ์ซ้ำขึ้นใหม่อีกโดยไม่จำเป็นได้อย่างไร ประการสุดท้ายคือ การยึดอำนาจต้องเป็นที่ยอมรับของประชาชนหรือประชาคมในชุมชนนั้น ดังที่การยึดอำนาจในหลายประเทศทำท่าว่าจะเริ่มต้นด้วยความสำเร็จ แต่กลับล้มเหลวลงอย่างรวดเร็ว เมื่อประชาชนตั้งสติได้และไม่ยอมรับหรือประสบความสำเร็จไปแล้วชั่วขณะหนึ่งจนน่าจะครองอำนาจต่อไปได้โดยง่าย แต่แล้วก็กลับล้มครืนลงเพราะการคันค้านอย่างรุนแรงจากประชาชน

 

หน้าที่ 1  2  3  4  5  6


รวมสาระ  counter power by www.seal2thai.org ดินแดนปัญญาชน